ท่องยุโรปแห่งเวียดนาม ณ โฮจิมินห์
เอาล่ะ ช่วงนี้เราจะพาไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้าน ดินแดนยุโรปใกล้ไทย แค่เวียดนามนี่เอง เราจะพาไปรีวิวสถาปัตยกรรมสวยๆ ณ โฮจิมินห์ ตามมาเที่ยวเวียดนามด้วยกันเลย
เริ่มออกเดินทางโดยสายการบิน Vietnam Airlines บินตรงแป๊บเดียวถึง ที่สำคัญเป็นสายการบินที่ให้บริการแบบ full service คือ มีอาหาร มีให้โหลดกระเป๋าพร้อม บริการก็ดี๊ดี สบายสุด แล้วที่เลือกสายการบินนี้คือเป็นฟูลเซอร์วิสที่ราคาถูกมาก เท่าที่เราเช็คดูคือราคาถูกทุกเส้นทางเลย เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกให้เพื่อนๆ ลองเช็คราคาตั๋วเครื่องบินเวียดนามกันดู
เป็นเวลาขึ้นเครื่องที่แป๊บเดียวจริงๆ ไม่ทันไรก็ถึงละ ก็อยู่ใกล้ๆ กันเองนี่เนอะ เราพากันเข้าโรงแรม ยืดเส้นยืดสายนิดหน่อยให้หายเมื่อย แล้วก็ลุยเที่ยวต่อกันเลย…
ได้เวลาตามหาลุงโฮ ที่โฮจิมินห์ซิตี้กันแล้วล่ะ วันนี้ขอเดินชมบ้านชมเมืองกันก่อน ตลาดดอกไม้ก็มี ดอกไม้สวยๆ ทั้งนั้น
เดินดูวิถีชีวิต ดูบ้านเมือง ผู้คนคึกคัก รถราขวักไขว่ดีเหมือนกัน โดยเฉพาะมอเตอร์ไซค์นี่ขับกันเร็วจริงจัง เรื่องการขี่มอเตอร์ไซค์ของเวียดนามเนี่ย เขาว่ากันว่าเป็นอันดับต้นๆ ของโลกเลย แต่เค้าใส่หมวกกันน็อคกันหมดนะ
เดินเหนื่อยนักก็พักกินก่อน เราจะมาชิมอาหารเวียดนามกันถึงเจ้าถิ่นแล้วนะ ก็คงหนีไม่พ้นการสั่งอาหารประจำชาติของเค้ามาลองกันหน่อย อย่าง “เฝอ” หรือก๋วยเตี๋ยวบ้านเค้า น้ำก็จะใสๆ เส้นเล็กๆ แต่ที่จัดเต็มคือผักจ้า อย่างที่เรารู้กันว่าคนเวียดนามเค้ากินผักกันเก่งมากๆ ไม่แปลกใจเลยทำไมถึงสวย ก็อร่อยตามสไตล์เค้าอยู่นะ ลองเลือกร้านกันดู มีร้านให้เลือกเยอะ
วันนี้ขอเที่ยวเบาๆ ก่อน เพราะว่าเพิ่งเดินทางมาด้วยแหละ เลยลงความเห็นกันว่ากลับไปนอนพักผ่อนเอาแรงกันก่อน พรุ่งนี้ลุยต่อ
…เช้าวันที่สองของเวียดนาม…
ตื่นเช้ามาด้วยความสดชื่น เพราะพักผ่อนกันยาวเลย รองท้องด้วยมื้อเช้าจากโรงแรม ประหยัดตังค์ได้อีกหนึ่งมื้อ อิอิ อิ่มแล้วเราก็เดินทางต่อเลย
เริ่มต้นด้วยการไปศึกษาประวัติศาสตร์เวียดนามที่ “พิพิธภัณฑ์สงคราม” อันนี้ก็มีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบ เพราะมันเป็นประวัติศาสตร์ที่มาจากสงคราม แต่ถือว่ามาดูเพื่อให้เห็นกับตา และก็ยังมีพวก อาวุธ รถถัง เครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ ให้ดูกันแบบใกล้ๆ ก็น่าตื่นตาตื่นใจ ลืมความหดหู่ไปได้บ้าง
นั่งรถต่อไปกันที่ “อดีตทำเนียบประธานาธิบดี” ที่ตรงนี้เมื่อก่อนเคยเป็นที่พำนักของประธานาธิบดีเวียดนามใต้ แต่พอหลังจากที่เวียดนามเหนือมายึดเวียดนามใต้ ที่นี่ก็เลยถูกยึดไปด้วย แล้วก็กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เราได้เข้าไปดูนี่แหละ อาคารหลังใหญ่โอ่อ่าทันสมัยอยู่นะ ขนาดสร้างมาตั้งแต่เรายังไม่เกิดยังดูดีขนาดนี้เลย เราเดินดูไปตามห้องต่างๆ มีห้องประชุมใหญ่ ห้องแผนที่ ห้องทำงานอดีตประธานาธิบดี ห้องฉายหนัง บนดาดฟ้ามีลานจอดเฮลิคอปเตอร์ ชั้นใต้ดินก็มีห้องลับบัญชาการ นี่นึกภาพไปถึงในหนังเลย
แล้วก็เลยไปดูบ้านพักลุงโฮ เป็นบ้านไม้ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่น ตอนนั้นคงน่าอยู่มาก
ที่นี่เป็นเมืองที่มีกลิ่นอายยุโรปอยู่มากๆ เลย ก็เพราะว่าเค้าเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสมาก่อน เพราะฉะนั้นพวกสถาปัตยกรรมต่างๆ มันก็เลยได้ฟีลยุโรปแบบที่เราไม่ต้องตีตั๋วแพงๆ ไปดู ดูตรงนี้ก็ถือว่าโอเลย
เริ่มกันที่ “ไปรษณีย์กลางโฮจิมินห์” เป็นไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเวียตนาม และก็ยังสวยที่สุดอีกด้วย ไม่ใช่แค่ตั้งไว้สวยๆ อย่างเดียวนะ เพราะว่าทุกวันนี้ก็ยังให้บริการอยู่เป็นปกติ อาคารสีสันสดใส เดินเข้ามาจะเป็นห้องโถงกว้างใหญ่ ใครอยากได้ของฝากก็มีของที่ระลึกขาย หรืออยากได้ฟีลเก่าๆ แบบส่งโปสการ์ด ก็เขียนส่งไปรษณีย์กันตรงนี้เลย
ข้ามฝั่งไปทั้งจุดแลนด์มาร์กอย่าง “โบสถ์นอร์ทเธอดาม” สีส้มอิฐ สวยมากๆ อันนี้คือได้ฟีลฝรั่งเศสสุดๆ ถ่ายรูปออกมาสวยมาก จากที่ถามมาเค้าบอกว่าคนเวียดนามเค้าจะมาเข้าโบสถ์ที่นี่ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และด้วยความสวยงามของโบสถ์แห่งนี้ ก็เป็นอีกจุดถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง และมาแต่งงานกันที่นี่หลายคู่ เพราะเชื่อว่าจะมีความรักยืนยาว และยังมีอาคารเก่าแก่ต่างๆ ให้เดินเล่นแวะถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆ แบบไม่เหนื่อย
เที่ยวกันพอหอมปากหอมคอ ไปช้อปปิ้งกันต่อที่ ตลาดเบนถันห์ นั่งแท็กซี่ไปประมาณ 10 นาทีได้ รูดบัตรเครดิตได้ด้วย ตลาดนี่ก็มีของช้อปปิ้งทั่วไป พวกรองเท้ากีฬาต่างๆ ก็มีราคาถูกอยู่เหมือนกัน
เดินจนเหนื่อย ช้อปปิ้งกันจนขาลาก ได้เวลาพักผ่อนสบายๆ พร้อมมื้ออาหารอร่อยๆ ค่ำคืนนี้ขอไปล่องเรือดินเนอร์สักหน่อย ล่องไปตามแม่น้ำไซ่ง่อน มีโชว์ให้ชม หรือจะกินลมชมวิวกันตามอัธยาศัย อาหารก็จะคล้ายๆ บ้านเรา กินง่าย อร่อยใช้ได้ อิ่มเอมกันทั้งวัน พักก่อนนะ พรุ่งนี้เที่ยวต่อ
…วันรุ่งขึ้น…
เราออกเดินทางไปนอกเมืองกันนิด ไปยังเมือง “หวุงเต่า” เมื่อยตูดนิดประมาณ 3 ชั่วโมง แต่ว่าต้องไป เพราะเค้าว่าที่นี่เป็นเมืองตากอากาศของเวียดนาม ได้ฟีลบางแสนในสมัยก่อนที่ผู้คนยังไม่มาก สวยและเงียบสงบ รับลมทะเลไปเต็มๆ
เราก็ไปชม พระราชวังฤดูร้อนของจักรพรรดิ์เบ๋าได๋ ซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายของเวียดนาม พระราชวังจึงได้รับอิทธิพลการออกแบบจากฝรั่งเศสอยู่มาก และมีต้นไม้ร่มรื่น สวนสวยสีเขียวดูสบายตา ด้านหน้ามองเห็นวิวทะเลสวยมาก
ด้วยการเดินทางที่ค่อนข้างนาน เราก็เลยพักที่หวงเต่า 1 คืน ตื่นเช้านั่งรถเข้าไปเมืองโฮจิมินห์แล้วขึ้นเครื่อง เรียกได้ว่าเป็นแพลนเที่ยวที่พอดีๆ ไม่เหนื่อยมาก แล้วยังเที่ยวได้หลายที่ เก็บแลนด์มาร์กโฮจิมินห์ได้ครบ ยังไงเพื่อนๆ ก็ลองเอาไปปรับใช้ในแพลนเที่ยวเวียดนามของตัวเองได้นะคะ..ลาก่อน โฮจิมินห์ แล้วเจอกันใหม่