กระเป๋าเดินทางหาย ทําไงดี?
ใครๆ ก็อยากไปเที่ยวสนุกๆ แบบไม่ต้องมีเรื่องกังวลใจใช่มั้ยล่ะ แต่ถ้าเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นกับตัวเอง ก็คงจะหัวหมุนแน่ๆ เกิดอยู่ๆ กระเป๋าเดินทางหายขึ้นมาจะทำยังไงดี ใจเย็นๆ นะจ๊ะ เรามีข้อมูลดีๆ มาบอก
กระเป๋าเดินทางหายได้ยังไง?
ตามปกติแล้ว ขั้นตอนการทำงานของสายการบินก็ค่อนข้างจะรัดกุมและเป็นระบบระเบียบอยู่แล้ว กรณีแบบนี้เป็นเคสที่เกิดขึ้นน้อย แต่ถ้าบังเอิญเกิดกับเราพอดี ต้องมาคิดแล้วล่ะว่ามันมีสาเหตุมาจากอะไรได้บ้าง
1. กระเป๋าเดินทางของเราไม่ได้ถูกเช็คอิน
มันก็อาจจะมีหลุดรอดไปได้นะ ในกรณีที่เราส่งกระเป๋าให้เจ้าหน้าที่เช็คอินแล้ว แต่ว่ากระเป๋ามันดันไม่ได้เช็คอินเข้าสู่ระบบ อาจจะเกิดได้จาก ใส่แท็กกระเป๋าให้ไม่ครบทุกใบ ทำให้กระเป๋าบางใบไม่มีแท็กกระเป๋า ไม่สามารถเข้าระบบได้ หรืออาจไม่ได้นับว่าเรามีกระเป๋ากี่ใบ หรืออาจตกหล่นระหว่างนำใส่สายพาน เพราะฉะนั้น แท็กกระเป๋าต้องมีครบทุกใบ 1 แท็ก ต่อ 1 ใบ
2. กระเป๋าอาจถูกขโมย
มันก็เป็นไปได้ว่ามีคนจ้องจะขโมยกระเป๋าจริงๆ หรืออีกอย่างหนึ่งก็คือ กระเป๋าของเราดันไปเหมือนคนอื่นจนเค้าหยิบผิดไป ถ้าหยิบผิดก็คงตามคืนได้ไม่ยาก เพราะคนที่หยิบไปเค้าก็คงอยากได้กระเป๋าของเค้าเหมือนกัน แต่หากถูกขโมยไปแล้วล่ะก็ จะให้ได้กระเป๋าคืนคงยากแล้วล่ะ แต่หลักฐานแท็กกระเป๋าที่อยู่กับเราจะสามารถใช้ในการเรียกค่าเสียหายจากทางสายการบินได้ ตามอัตราที่แต่ละสายการบินกำหนด ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลยอ่ะนะ
3. ส่งกระเป๋าไปผิดที่
กรณีนี้มันก็อาจจะเป็นเพราะว่าเราขึ้นเครื่องที่ต้องต่อเครื่อง มีการแวะพักแล้วเปลี่ยนเครื่อง เปลี่ยนสายการบิน แล้วกระเป๋ามันดันไม่เดินทางไปพร้อมกับเราน่ะสิ เผลอๆ ได้ไปเที่ยวที่อื่นซะละ ซึ่งถ้าเรามีแท็กกระเป๋าก็สามารถขอให้เจ้าหน้าที่ติดตามได้ไม่ยากว่ากระเป๋าของเราถูกส่งไปที่ไหน ทางสายการบินก็จะนำกระเป๋าส่งคืนมาให้ตามที่อยู่ที่เราแจ้งเอาไว้ แบบนี้ได้กระเป๋าคืนชัวร์ แต่ช้าหน่อย
แท็กกระเป๋าช่วยได้
จากกรณีที่เรายกตัวอย่างไป จะเห็นเลยว่าแท็กกระเป๋าสำคัญมาก เพราะสามารถใช้ตรวจสอบกระเป๋าเดินทางของเราได้จากในระบบ ตามหากระเป๋าจนเจอว่ากระเป๋าอยู่ตรงไหน เพราะฉะนั้นอย่าลืมว่าแท็กกระเป๋าต้องใส่ให้ครบทุกใบ 1 แท็กต่อกระเป๋า 1 ใบ เพื่อสะดวกในการติดตามกระเป๋า ถ้าได้ไม่ครบก็รีบแจ้งเจ้าหน้าที่
จะต้องทำยังไงเมื่อรู้ตัวว่ากระเป๋าเดินทางหาย
- หากระเป๋าไม่เจอแล้วเพิ่งรู้ตัวว่าได้แท็กกระเป๋ามาไม่ครบ เมื่อลงเครื่องก็รีบไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ ที่เคาท์เตอร์สายการบิน ให้เจ้าหน้าที่ช่วยตรวจสอบกระเป๋าที่ตกค้าง สนามบินส่วนใหญ่จะมีจุด Lost & Found ซึ่งเราไปแจ้งกระเป๋าหายที่จุดนั้นได้
- แสดง Tag กระเป๋า พร้อมตั๋วเครื่องบินและพาสปอร์ต เพื่อเป็นหลักฐานยืนยัน
- แจ้งรูปพรรณสัณฐานของกระเป๋าใบที่หายไป สีอะไร มีจุดสังเกตอะไรพิเศษบ้าง เช็คอินเมื่อไหร่ ถ้ามีรูปถ่ายเก็บไว้จะดีมาก อย่าลืมให้ที่อยู่ที่ติดต่อได้เอาไว้ด้วย
- เจ้าหน้าที่เช็คน้ำหนักกระเป๋าที่มีอยู่ในระบบ จะได้รู้ว่าใบที่หายไปเป็นใบไหน
- เจ้าหน้าที่ตรวจเช็คกระเป๋าที่ตกค้าง แล้วส่งข้อมูลมาให้เรายืนยัน ว่าเป็นกระเป๋าของเราจริงๆ
- เมื่อของมาถึงสนามบิน เจ้าหน้าที่ติดต่อเพื่อให้มารับกระเป๋า หรือถ้าเจอสายการบินที่บริการดีๆ มีจัดส่งให้ถึงบ้านเลย พร้อมทั้งแพ็กอย่างเรียบร้อย กันคนเปิดออกระหว่างทาง
- เมื่อได้รับกระเป๋าแล้ว อย่าลืมตรวจสอบให้เรียบร้อย ว่าสภาพสมบูรณ์ ของครบถ้วนหรือเปล่า เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ ได้กระเป๋าคืนเรียบร้อย
- ถ้าเจ้าหน้าที่ตรวจเช็คแล้ว หาไม่เจอจริงๆ ทางสายการบินจะออก PIR (Property Irregularity Report) ให้ ในนั้นจะมีหมายเลข reference number ซึ่งสำคัญมาก ถึงแม้ว่าใบ PIR จะหายไปแล้วแต่ถ้ายังคงจำเลขนี้ได้ ทางเจ้าหน้าที่ก็ยังสามารถใช้เลขนี้ดึงข้อมูลจากในระบบได้ ตัวอย่างของ reference number จะมีเหมือนกันทั่วโลกคือ STATION/AIRLINE/Case number ซึ่งหลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ของสายการบินจะประสานงานตรวจสอบกับหน่วยต่างๆ และจะติดต่อเรามาอีกทีเพื่อแจ้งผลให้ทราบหลังจาก 21 วัน ซึ่งหากเลย 21 วันไปแล้ว ทางสายการบินจะถือว่ากระเป๋าใบนั้นได้สูญหายจริง และจะดำเนินเรื่องชดใช้ค่าเสียหายให้เรา
- เรื่องของการชดเชยค่ากระเป๋าที่สูญหายไปนั้น ทำใจเอาไว้เลยว่าทางสายการบินส่วนใหญ่จะตีราคาออกมาต่ำกว่าราคาจริง ซึ่งเค้าถือว่าเป็นของที่ใช้แล้ว หากเราได้ซื้อประกันการเดินทางไว้ด้วย ทางประกันจะช่วยออกค่าใช้จ่ายได้ตามเงื่อนไขที่เราได้ทำประกันเอาไว้ และถ้ามีของเพิ่งซื้อใหม่แล้วอยู่ในกระเป๋าใบนั้นด้วย ให้แสดงใบเสร็จให้เจ้าหน้าที่ด้วย เพื่อที่เค้าจะได้นำมาประเมินมูลค่าทรัพย์สินให้อีกที
อย่าลืมตรวจเช็คก่อนจะโหลดกระเป๋าเดินทาง
- ต้องได้รับแท็กกระเป๋า เท่ากับจำนวนกระเป๋าที่เราโหลดทุกครั้ง
- มีป้ายชื่อติดหูกระเป๋า ระบุชื่อที่อยู่ของเราเป็นภาษาอังกฤษ
- ล็อกกระเป๋าให้เรียบร้อยก่อนโหลดเข้าระบบ
- หากมีแถบบาร์โค้ดจากการเดินทางครั้งก่อน ให้แกะออกให้หมด จะได้ไม่สับสน เจ้าหน้าที่จะได้ตรวจเช็คได้สะดวก
- จำลักษณะกระเป๋า และจุดสังเกต ร่องรอยตำหนิได้ของกระเป๋าเราเอาไว้ หรือถ่ายรูปเก็บไว้ได้ยิ่งดี
- พยายามทำให้กระเป๋าของเรามีเอกลักษณ์ แตกต่างจากกระเป๋าคนอื่น เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ เช่น อาจมีติดสติกเกอร์ หรือมีแถบคาด เป็นต้น
- อย่าเก็บทุกอย่างไว้ในกระเป๋าโหลด ให้แพ็กเสื้อผ้าหรือของใช้จำเป็นไว้ในกระเป๋าถือขึ้นเครื่องด้วย เผื่อฉุกเฉินจะได้มีสำรอง
- เก็บเอกสารและจดข้อมูลต่างๆที่สำคัญติดตัวไว้ เช่น หมายเลขการจองห้องพัก เบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉินสำหรับการติดต่อ หรือเบอร์โทรศัพท์ของโรงแรมที่เราจะเข้าพัก เป็นต้น
- อาจจะต้องมีประกันการเดินทาง สำหรับคนที่ต้องการความมั่นใจในการเดินทางว่าไม่มีเรื่องให้กังวลใจ ยอมจ่ายอีกนิดแต่ได้ความสบายใจ
ไม่ว่าจะยังไงก็ขอให้เพื่อนๆ เดินทางปลอดภัย และสะดวกราบรื่นในทุกๆ การเดินทางนะคะ ถ้าไม่เจอกับเรื่องแบบนี้ได้ยิ่งดีไปเลย